วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ศิลปะการใช้ชีวิตแบบฝรั่งเศส


ศิลปะการใช้ชีวิตแบบฝรั่งเศส

การศึกษาต่อในประเทศฝรั่งเศส การดำเนินชีวิตอย่างมีศิลปะ
คุณทราบหรือไม่ว่า ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก เนื่องจากภูมิประเทศที่สวยงามและหลากหลาย ระบบการคมนาคมขนส่งที่สะดวกสบายและทันสมัย และการให้ความสำคัญด้านการบริการด้านสุขภาพ
สถาบันการศึกษาของฝรั่งเศสมักตั้งอยู่ใจกลางเมือง จึงสามารถเดินทางไปได้อย่างสะดวกสบาย รายล้อมด้วยสถาปัตยกรรมและศูนย์วัฒนธรรมฝรั่งเศส เช่น ร้านขายหนังสือ    ห้องสมุด โรงภาพยนตร์ โรงละคร หรือร้านกาแฟแบบฝรั่งเศสเป็นต้น
ในประเทศฝรั่งเศสคุณสามารถเข้าถึงความหลากหลายของวัฒนธรรม สันทนาการและการกีฬา สิ่งนี้ทำให้ชีวิตนักศึกษาในประเทศฝรั่งเศสเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก
ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีระบบการดูแลสุขภาพตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนด เมื่อลงทะเบียนเรียนในสถาบันการศึกษาของฝรั่งเศส นักเรียนต่างชาติจะได้รับสิทธิ์ประกันสุขภาพแห่งชาติที่มีราคาไม่แพงแต่มีประสิทธิภาพสูง
สลิอายุเฉลี่ยของคนฝรั่งเศสถือได้ว่าสูงที่สุดในโลก คือ 77 ปี​​สำหรับผู้ชายและ 84 ปีสำหรับผู้หญิง  
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010 ยูเนสโกได้จัดให้ฝรั่งเศสเป็นผู้นำด้านอาหารและศิลปะการปรุงอาหารของโลก ฝรั่งเศสมีเนยแข็งกว่า 360 ประเภทไวน์ชั้นดีจากไร่องุ่นในแคว้น Bordeaux, Burgundy และอีกหลายพื้นที่ พ่อครัวชาวฝรั่งเศสก็มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010 ยูเนสโกได้จัดให้ฝรั่งเศสเป็นผู้นำด้านอาหารและศิลปะการปรุงอาหารของโลก ฝรั่งเศสมีเนยแข็งกว่า 360 ประเภทไวน์ชั้นดีจากไร่องุ่นในแคว้น Bordeaux, Burgundy และอีกหลายพื้นที่ พ่อครัวชาวฝรั่งเศสก็มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก

ในส่วนของเวลาการทำงานต่อสัปดาห์ตามที่กฎหมายกำหนด คือ 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และสามารถหยุดพักร้อนได้ถึง 5 สัปดาห์ต่อปี
ฝรั่งเศสเป็นเมืองแห่งมรดกโลก ปารีสเป็นสถานที่ชั้นนำของโลกสำหรับการท่องเที่ยว และงานแสดงสินค้านานาชาติ หอไอเฟลและดิสนีย์แลนด์ถือเป็นที่ที่มีคนทั่วโลกเข้าชมมากที่สุด และเหตุที่ประเทศฝรั่งเศสตั้งอยู่ใจกลางทวีปยุโรป   มีพรมแดนธรรมชาติติดกับ 9 ประเทศ สนามบิน Charles-de-Gaulle จึงเป็นสนามบินที่มีผู้ใช้มากเป็นอันดับ 2 ของยุโรปและเป็นอันดับ 6 ของโลก มีเส้นทางถนนที่เชื่อมโยงกัน มีรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อกับเมืองใหญ่ในฝรั่งเศสและประเทศอื่น ๆ ในยุโรป (รวมทั้งลอนดอน, อัมสเตอร์ดัมและเจนีวา)สามารถเดินทางไปยัง 22 ประเทศโดยใช้วีซ่าเชงเก้น ใช้เงินยูโรเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในยุโรปอีก 15 ประเทศ จึงมีความสะดวกสบายในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศใกล้เคียง

การแนะนำตัวของคนฝรั่งเศส


การแนะนำตัว

หลังจากรู้วิธีการทักทายแล้ว เรามาเรียนรู้วิธีการแนะนำตัวกันบ้าง
ถ้าเราต้องการทราบว่าคู่สนทนาเราชื่อว่าอะไร เราจะถามกันโดยใช้ประโยคที่ว่า
Comment tu t'appelle (คอมม้อง ตูตับปแอล) หรือComment vous vous appelez? (คอมม้อง วู วูซัพปเล) เสียง s เมื่อคำต่อมาขึ้นต้นด้วยสระ จะมีการออกเสียง แบบที่เรียกว่า liaison หมายถึงการเชื่อมเสียงของพยัญชนะตัวสุดท้าย กับเสียงของพยางค์ถัด เมื่อพยางค์หลังขึ้นต้นด้วยเสียงสระ

ตัวอย่างเช่น
Tu n'en as que 2. (ตู นอง นา เกอ เดอ) หากเป็นการออกเสียงแบบไม่มี  liaison จะถูกอ่านออกเสียงว่า ตู นอง อา เกอ เดอ

สำหรับการตอบกลับเพื่อแนะนำตัวเองมีสองแบบคือ  Je m'appelle..... (เฌอ มัปปแอล) หรือ Je suis....(เฌอ สวี)  แปลว่า ฉันชื่อ

รูปคำกริยาในภาษาฝรั่งเศสจะมีรูปแบบพิเศษที่ชื่อ Verb pronominale แปลเป็น กริยาที่กระทำต่อตัวเอง กล่าวคือกริยาที่ผู้นั้นๆ ต้องกระทำเอง หรือสะท้อนตัวเอง ตัวอย่างเช่น กริยา appeler= เรียก
เมื่อเป็น Verb pronominale จะเป็น s'appeler หรือเรียกชื่อ ดังตัวอย่าง Je m'appelle = ฉันชื่อ

การทักทายของคนชาติฝรั่งเศส


ทักทายแบบฝรั่งเศส

หลายคนเคยได้ยินได้ฟังคำทักทายภาษาฝรั่งเศสมาบ้างแล้ว ว่าแต่ว่าหลายๆคำ ที่เคยได้ยิน ใช้แตกต่างกันอย่างไร วันนี้เรามีคำอธิบายมาให้

โดยทั่วไปจะแบ่งเป็นการทักทายแบบทางการ (สำหรับบุคคลที่มีอาวุโสมากกว่า ไ่ม่ค่อยสนิทสนม)และแบบไม่เป็นทางการ  
เมื่อเป็นการเจอกันครั้งแรกของวัน แบบเป็นทางการเรารู้จักกันดีคือคำว่า Bonjour (บง-ชูร) ใช้ได้ทุกโอกาสของวัน แต่โดยส่วนใหญ่จะใช้ในช่วงเวลาที่ยังมีแสงอาทิตย์อยู่ หลังพระอาิทิตย์ไปแล้วก็ยังอนุโลมให้ใช้ได้อยู่ หรือเปลี่ยนเป็น Bonsoir (บง-ซัวร)ส่วนแบบไม่เป็นทางการ ระหว่างเพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน เรามักจะได้ยินคำว่า Salut (ซาุ-ลูอี) การออกเสียงจะไม่เป็นสระอูแบบภาษาไทย แต่เป็นการออกเสียงก้ำกึ่ง แบบอู-อี (ทำปากออกเสียงอูก่อนแล้วจบด้วยเสียงอี)
วิธีการทักทายของคนฝรั่งเศสจะทำโดยการเอาแก้มชนกัน ซึ่งเรียกกันว่า Bisous(บิ-สู) เด็กไทยอย่างเราๆ เมื่อไปถึงครั้งแรกเจอการทักทายแบบนี้ ก็อึ้งกัน ไม่กล้าชนแก้ม โดยเฉพาะกับเพื่อนผู้ชาย แต่นะเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม

ทักทายสวัสดีกันเรียบร้อย ก็ต้องถามสาระทุกข์สุขดิบ ว่าคุณสบายดีหรือเปล่า แบบเป็นทางการเราจะถามว่าComment allez-vous? (กอมม๊อง-ตันเลวู) หรือแบบกันเอง Comment ça va? (กอมม๊อง-ซาวา)หรือ ça va ? (ซา-วา) ในการถามคำถามต้องขึ้นเสียงสูงในตอนท้ายทุกครั้ง  การตอบกลับแบบเป็นทางการ Je vais bien, merci  (เฌอ-เว-เบียง แม๊กซี่) หรือ ça va bien, merci (ซา-วา เบียง แม๊กซี่) แปลว่า สบายดี ขอบคุณ ถ้าต้องการตอบกลับเพื่อนๆ ก็บอกง่ายๆ ว่า ça va คราวนี้ลงเสียงต่ำ เราอาจถามคนถาม กลับไปด้วยว่า Et vous?(เอะ วู) แบบทางการ หรือ Et toi? (เอะ ตัว) ซึ่งแปลว่าแล้วคุณล่ะ 

วันนี้เราทักทายกันก่อนเพียงแค่นี้ พรุ่งนี้มาเรียนการทักทายกันต่อ
Bonne nuit à tout